walk around sokkia total station ฉบับใช้งานจริง

กล้อง total station คงเป็นอุปกรณ์ในความฝันของเหล่า นัก/ช่างสำรวจ ทั่วไป แต่ราคาซื้อหาแต่ล่ะชุดก็ค่อนข้างแพง review ก็หายาก อ่าน web ต่างประเทศก็ค่อนข้างจำกัดด้านภาษาและความเข้าถึงข้อมูลในเชิงลึกเรื่องการใช้งาน จะซื้อมาใช้งานก็ต้องคิดแล้วคิดอีก วันนี้ผมจึงนำเสนอการ รีวิวประสบการณ์ เกี่ยวกับกล้อง total staion 2 ชุดด้วยกันซึ่งกล้องทั้งสองตัวนี้ผมได้ใช้งานจริงค่อนข้างมาก เลยพอเข้าใจจุดอ่อนจุดแข็งของกล้องรุ่นดังกล่าวเลยอยากแบ่งปันให้ผู้สนใจทั่วไปได้รับทราบเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อเลือกใช้งานได้

                รุ่นแรกที่ผมจะแนะนำก็ Sokkia set2030R3 RedTech II กล้องตัวนี้ผมสั่งมือสองตรงมาจาก USA ในราคาที่พอจัดหาได้ตอนแรกก็ลังเลใจเหมือนกันว่าจะซื้อดีไหม เพราะว่าไม่ได้เห็นสินค้าและราคาก็ค่อนข้างเอาเรื่องทีเดียว ด้วยคุณสมบัติ accuracy 2 พิลิปดา ยิงระยะโดยไม่ใช้เป้า 350 ม. data display 2 ด้าน สภาพมือสองที่ดีมาก อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องก็ครบ ก็ตัดสินใจส่งเงิน เลข6หลักไปที่อเมริกา โดยใจก็นึกหวาดหวั่นว่า งานนี้จะ รุ่งหรือจะร่วงครับ ผ่านไปประมาณ สามอาทิตย์พร้อมกำเงินค่าภาษีไปอีกประมาณ 6000 บาท กล้องตัวนี้ก็มาอยู่ในอ้อมกอดของผม 

ดูpackageเล็กๆ  เสียภาษีเรียบร้อย


ชอบตรงที่ เขา calibrate มาแล้วระดับหนึ่ง มีฝาปิดเลนส์มาด้วย กล้องญี่ปุ่น  สัญชาติ อเมริกา  เชื้อชาติ california


เมื่อมาถึงมือผมก็รีบส่งไป calibrate และตรวจเช็คสภาพที่ dealer sokkia ประเทศไทย บ.SDM
ทันทีใจก็กลัวว่ากล้องจะมีปัญหาไหมสาระพัดร้อยแปดที่จะคิด แต่สุดท้ายก็ผ่านมาด้วยดี ตัวกล้องไม่มีปัญหาอะไรหัวน๊อต สกู ทุกตัวไม่มีร่องรอยผิดปกติอะไร สภาพภายนอกผมให้ 90% เลยทีเดียว


ด้วยความละเอียดที่ 2" การทำวงรอบชั้น 1 2 คงไม่ใช้เรื่องยาก และคุณสมบัติที่ยิงระยะทางโดยไม่ใช้เป็าไกล 350 m. ก็คงเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปครับ


การติดต่อสื่อสารระหว่างกล้องกับคอมก็อาศัยผ่าน CF card type1 ไม่เกิน 512 mb กับโปรแกรม Prolink 1.15 ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอีกเเช่นกันครับ ที่สำคัญโปรแกรมนี้ฟรีเสียด้วย


พวก port ต่างๆ หัวจุกปิดก็อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ tribrach สกรู ปรับระดับก็แน่นดีไม่หลวมไม่คลอน แข็งแรงใช้ได้

สกรูปรับมุมทางดิ่งทางราบ ของรุ่นนี้จะแตกต่างอยู่ที่จังหวะการหมุนจะมีสองจังหวะ ช่วยในการปรับมุมให้ล่ะเอียดได้ยิ่งขึ้น การแสดงผลสามารถทำได้ถึง 0.5 พิลิปดา ละเอียดชนิดที่ว่าห้ามลมพัดทีเดียว


ขุมพลัง red tech 2 ยิงระยะโดยไม่ใช้เป้าไกลถึง 350 เมตร เหมาะกับการสำรวจเท่าไปโดยไม่ต้องสงสัยทีเดียว


สิ่งทีผมชอบมากสำหรับกล้องค่าย sokkia คือ เขามี software ที่ติดมากลับกล้องคือ โปรแกรม SDR33 ซึ่งเท่าทีดูสามารถทำงานได้เกือบทุกประเภทของงานสำรวจเลยทีเดียว การติดต่อกับ คอมพิวเตอร์ที่ง่ายโดยผ่านโปรแกรม Prolink 1.15 โดยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนักที่สำคัญมันฟรีเมื่อเทียบกับค่ายอื่นที่ต้องซื้อ software ต่างหาก มันเลยเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับระบบของ topcon leica หรือ trimble หรือ nikon


ย้อนกลับมาที่กล้องอีกครั้งคือ กล้องตัวนี้ใช้ Optical plubmet ซึ่งจะแตกต่างจากกล้องรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ laser plubmet คือถ้าอยู่กลางแสงจ้าเมื่อไรมีปัญหาทันทีเพราะเราจะมองเห็น laser ยากมากๆเลยแนะนำเพื่อๆถ้าจะซื้อเลือกใช้ แบบ optical ดีกว่าน่ะครับ ดูแลรักษาก็ง่ายไม่ยุ่งยาก
กล้องตัวนี้ผลิตเมื่อปี 2003 ซึ่งก็มีอายุมาแล้ว 10 ปี ซึ่งก็ไม่มากเท่าไรอีกทั้งวัสดุที่ใช้ประกอบกล้องก็ดูแข็งแรงดีจับถือก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงนั้นครับไม่เหมือนกับกล้องรุ่นใหม่ๆเช่นรุ่น CX105 ของ sokkia เหมือนกันที่วัสดุที่ใช้การประกอบดูเหมือนจะทำสู้กล้องพวกรุ่นเก่าๆไม่ได้ทั้งคุณภาพของวัสดุรวมถึงการประกอบเป็นตัวกล้อง และ series กล้อง topcon และ sokkia โดยเฉพาะ รุ่น CX และ FX จะดูเหมือนกันเพราะเป็นบริษัทเดียวกันทำแล้ว(topcon ควบรวมกิจการของ Sokkia ไปแล้ว) ซึ่งแนะนอนคุณภาพของกล้อง สองยี่ห้อนี้ก็จะเหมือนกันไปอีกสักพักใหญ่ๆทีเดียว

รอภาคต่อไปครับ
รุ่นใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าจริงหรือ